บทความที่ชื่นชอบ

เด็กทุกคนมีความเป็นศิลปิน แต่ปัญหาอยู่ที่ ความเป็นศิลปินนั้นจะคงอยู่อย่างไรเมื่อเขาโตขึ้น"
เป็นคำพูดของ พาโบล ปิกาสโซ่ จิตรกรเอกชาวสเปน
.
ตามปกติที่หมอได้ตรวจเด็กและวัยรุ่น มีเด็กๆส่วนหนึ่งที่มาพบด้วยปัญหาต่างๆ และพบว่าสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังก็คือ ความเครียดจากการเรียน
ที่น่าคิดก็คือ ในช่วงหลังๆ เด็กที่มาหาด้วยความเครียดเรื่องเรียนนั้นมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ
ยิ่งเด็กเล็กๆด้วยแล้ว การจะพูดบอกความรู้สึกของตัวเองเป็นคำพูดเป็นเรื่องที่ยาก ผู้ใหญ่อย่างเราแทบไม่เคยได้ยินเด็กอนุบาลพูดว่า "หนูเครียดจัง"
สิ่งที่เด็กเล็กๆจะแสดงออกก็คือ พฤติกรรม อารมณ์ เช่น เด็กบางคนดื้อ ต่อต้านมากขึ้น ซนมากขึ้น บางคนติดพ่อแม่มากขึ้น นอนไม่หลับ บางคนกลับไปมีพฤติกรรมแบบตอนเล็กๆ เช่น ดูดนิ้วมากขึ้น กัดเล็บ หรือเด็กบางคนก็อาจจะเรียนได้แย่ลงจากเดิม เพราะเหนื่อยเกินไป
.
มีการวิจัยหนึ่งในอเมริกาที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ทดสอบเด็กก่อนวัยเรียนจำนวน 120 คน เด็กครึ่งหนึ่งได้เรียนในโรงเรียนที่เร่งให้เด็กเรียนหนักทางวิชาการ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเรียนแบบผ่อนคลาย เน้นการเรียนรู้ทักษะทางสังคม การอยู่กับเพื่อนผ่านการเล่น ผลของการศึกษาพบว่าเด็กที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ผ่อนคลายและไม่เร่งรัด มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้มากกว่า มีความคิดสร้างสรรค์ที่หลากหลาย นอกจากนั้นพบว่าเด็กมีความเครียดและกังวลน้อยกว่า
แต่ดูเหมือนการศึกษาของเด็กไทยจะวิ่งสวนทางกับสิ่งที่ได้ค้นพบในการวิจัยที่พูดถึง
เด็กไทยเราเรียนกันเยอะมากทั้งที่พ่อแม่เองก็ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น
"ทุกคนเขาเรียนกัน ถ้าเราไม่ให้ลูกเรียนก็ไม่ได้"
"หมอต้องเข้าไปดูไปเฟซบุ๊คกลุ่มแม่ๆ ทุกคนพาลูกไปเรียนพิเศษ พอเราไม่เรียน ทุกคนมารุมถามว่า ทำไมทำแบบนั้น เหมือนเราทำผิดมาก ไม่รักลูก"
"แม่ลำบากใจ เพราะคนรอบข้างกดดัน คุณแม่ไม่อยากให้เรียนติว แต่ญาติๆทุกคนบอกว่าต้องไปเรียน จะได้เข้าโรงเรียนดีๆ"
ฟังแล้วก็สงสารทั้งพ่อแม่ ทั้งเด็ก
เด็กสมัยนี้เรียนกวดวิชากันตั้งแต่ 4-5 ขวบ ไม่นับที่ต้องเรียนพิเศษที่โรงเรียน เด็กหลายคนที่นอกจากเรียนวิชาการ ต้องเรียนภาษาอื่นๆเสริม และยังต้องเรียนดนตรีกีฬาเสริมด้วย
มีเด็กคนหนึ่งที่หมอเคยคุยด้วย เด็กเรียนอยู่ชั้นอนุบาล นอกจากต้องเรียนติวเพื่อสอบเข้าประถม เด็กต้องเรียนภาษาที่สามเสริม เรียนกอล์ฟ เรียนเปียโน พ่อเด็กบอกว่า เด็กไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย ถามว่าเครียดไหม เด็กก็บอกว่าสนุกดี
ส่วนใหญ่เด็กพยายามทำทุกอย่างให้พ่อแม่พอใจ เมื่อพ่อแม่บอกว่าให้ไปเรียนสิ มันดีนะ สนุกนะ เด็กก็อยากจะเชื่อฟังพ่อแม่อยู่แล้ว ยิ่งเป็นเด็กเล็กๆ ก็อยากทำอะไรที่พ่อแม่พอใจ บางทีเด็กก็ตามใจพ่อแม่มากกว่าที่จะคาดคิด
แต่เมื่อหมอได้คุยกับเด็ก เมื่อถามเด็กว่า "มีอะไรบ้างเอ่ย ที่หนูไม่ชอบ" เด็กตอบว่า "เรียน"
คำเดียวสั้นๆ แล้วเมื่อถามว่า ชอบทำอะไร เด็กตอบว่า "เล่น กับ ระบายสี"
พ่อแม่หลายคนถามว่า "ก็ให้เด็กไปเรียนดนตรี เล่นกีฬา เป็นกิจกรรมที่ดีไม่ใช่หรือคะคุณหมอ"
ใช่ค่ะ เป็นกิจกรรมที่ดี แต่ก็ไม่ควรให้มากเกินไป และต้องดูว่าเด็กชอบมั้ย เด็กเล็กๆควรจะได้เรียนรู้ผ่านการเล่นที่เป็นอิสระ (unconditional play) ที่ทำให้เขาได้ฝึกที่จะแสดงออกตามที่คิด และตรงนี้สำคัญมากกับการเจริญพัฒนาของสมองทางความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหา การปรับตัว ซึ่งตรงนี้สำคัญกับการก้าวเป็นผู้ใหญ่ และใช้ชีวิตอยู่ต่อไปในสังคม (แต่พ่อแม่มักจะรู้สึกว่า การเล่นของเด็กแบบอิสระ เป็นสิ่งที่ไร้สาระ ต้องเล่นแบบมีเป้าหมายสิ อะไรแบบนี้)
.
เด็กที่เรียนมากไปหลายๆคน เกิดความเบื่อ เอือมกับการเรียน กลายเป็นขาดแรงบันดาลใจ เลิกเรียนไปเลยก็หลายคน เรียกว่า counter productive เพราะฉะนั้น ที่มีคนบอกว่า "เรียนมากๆจะได้เก่งมากๆ ไม่เป็นความจริง"
เหมือนที่คำพูดโบราณที่บอกไว้ว่า "ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด"
ชีวิตจริง มีอะไรมากมายกว่าการเรียน และสิ่งต่างๆเหล่านั้น ถ้ารอจนเป็นผู้ใหญ่ค่อยสอนก็อาจจะสายไปเสียแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น